วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556

วิธีแพ็คสินค้าส่งไปรษณีย์ไทย จาก Kinkanom.com



เชื่อแน่ว่าหลายคนคงอยากรู้วิธีการแพ็คสินค้าส่งไปรษณีย์ไทยว่าจะต้องทำอย่างไร สินค้าของเราถึงจะไม่เสียหาย ขณะเดียวกันก็ยังมีคนอีกเยอะที่ไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับการส่งพัสดุไปรษณีย์ว่าจะต้องจัดการเช่นไร ไม่ให้พัสดุที่เรานำไปส่งถูกตีกลับไปห่อใหม่หน้าที่ทำการ (เสียค่าห่อ 20 บาท) เมื่อเป็นเช่นนั้นวันนี้ ทาง www.kinkanom.com จึงอยากแนะนำสิ่งที่หลายคนอยากรู้แต่ยังไม่ทราบกัน

    
สิ่งสำคัญสำหรับการแพ็คสินค้าเพื่อป้องกันการเสียหาย 3 อย่าง  
 
1. กระดาษหนังสือพิมพ์
 
 
2.พลาสติกกันกระแทก
 
3.ใยแก้ว 
.........................................................................................................................................................................
อุปกรณ์สำหรับการแพ็คสินค้า : กรรไกร, สกอตเทป, คัตเตอร์, เชือก, ไม้บรรทัด และกระดาษสำหรับห่อพัสดุ
              .........................................................................................................................................................................

เมื่อทราบอุปกรณ์สำหรับการแพ็คแล้ว จึงมาถึงวิธีการทำ

     1.ลองนำสินค้าใส่ในกล่องเพื่อหารูปแบบในการจัดวาง

     2. เมื่อทราบรูปแบบการจัดวางแล้วจึงห่อด้วยพลาสติกกันกระแทก 1 ชั้น

     3. จากนั้นนำใยแก้วมารองที่ก้นกล่องเพื่อป้องกันแรงกระแทกระหว่างการขนส่ง

     4. ต่อมาเอาใยแก้วอีกอันมารองเพื่อเป็นการป้องกันจากด้านบน

     5.ทีนี้เมื่อเสร็จแล้ว เราจะจัดการยังไงกับที่ว่างที่เหลือในกล่อง

     6.ให้นำกระดาษหนังสือพิมพ์ใส่เข้าไปเพื่อไม่ให้เกิดที่ว่างหลงเหลือ (ภายในกล่องไม่ควรมีที่ว่าง เพราะ โอกาสที่สินค้าเสียหายจะมีมาก)

     7. วางบิล ปิดกล่องก็เป็นอันเสร็จพิธี

     8. แต่ช้าก่อนเราจะส่งแบบกล่องเปล่าๆ โดยแค่เขียนชื่อที่อยู่บนหัวกล่องไม่ได้ เพราะ ไปรษณีย์ไทยมีนโยบายให้การส่งพัสดุจะต้องไม่มีข้อความใดๆอยู่บนกล่องเลย เพื่อมิให้เป็นการโฆษณาแฝง ดังนั้นเราจึงต้องห่อกระดาษทับไปอีกชั้น

9.เมื่อจัดการเสร็จแล้วก็มัดเชือกเป็นอันจบ

     10.พร้อมส่งแล้วจ้ะ (หากไม่มัดเชือกให้เรียบร้อย ไปรษณีย์ไม่รับส่งให้นะครับ)

     11.จบบริบูรณ์สำหรับการส่งในวันนี้ (28/1/2013)
             
                                                                                        

ทั้งนี้ เรามีความมั่นใจว่าบทความนี้จะสามารถสร้างประโยชน์แก่ทุกท่านที่มารับชมได้ไม่มากก็น้อย และสุดท้ายทางเรา www.kinkanom.com ขออวยพรให้ทุกท่านมีความสุขกับกินขนมกันอย่างอร่อยครับ :D

                                                                                                                ลิขสิทธิ์โดย www.kinkanom.com

วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2556

วิธีดูวันหมดอายุสินค้าญี่ปุ่น จาก Kinkanom.com

หลายๆคนมักสงสัยว่าเราจะดูวันหมดอายุสินค้าที่มาจากญี่ปุ่นอย่างไร? และเมื่อดูแล้วจะเข้าใจหรือไม่ว่าสิ่งที่เราได้เห็นนั้นถูกต้องหรือไม่ ดังนั้นวันนี้ทาง www.kinkanom.com จึงได้ขอโอกาสนี้มาแนะนำสิ่งที่หลายคนอยากรู้แต่ยังไม่ทราบกัน

เริ่มต้นด้วยสินค้ายอดนิยม อย่าง ถั่วพิสตาชิโอ (ตัวอย่างนะครับ)


                อ้าว!! 13. 02 .09 เมื่อเห็นอย่างนี้แล้วหมายความอย่างไร เชื่อแน่ว่าหลายคนคิดว่าวันหมดอายุของมันคือ วันที่ 13 เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2009 ใช่หรือเปล่า?

                ตะ ตะ แต่ ผิดครับ!! จริงๆ แล้ววันหมดอายุของมัน คือ วันที่ 9 เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2013 ซึ่งตรงนี้ผมมั่นใจเลยว่าหลายๆคนคงงงมิน้อยว่ามันเป็นอย่างไรนี้ไปได้อย่างไร เพราะ มันขัดกับสิ่งที่เรารับรู้มาตั้งแต่เริ่มเรียนรู้ว่ามันต้องเรียงลำดับจากซ้ายไปขวาถึงจะถูกต้อง แน่นอนครับ เมื่อมีคำถามก็ต้องมีคำตอบ..
            
                     คำตอบก็คือวัฒนธรรมการอ่านของเขากับเราแตกต่างกัน โดยจะอธิบายความเข้าใจง่ายๆ ก็คือ เราคนไทยจะเปิดหนังสือจากด้านขวาไปซ้าย แต่กลับกันเมื่อเราไปประเทศญี่ปุ่นจะสังเกตได้ว่าหนังสือของเขาจะเปิดจากซ้ายไปขวา ซึ่งก็แน่นอนครับวิธีอ่านก็จะแตกต่างกันด้วยเช่นกัน

จะกล่าวคือหนังสือของไทย เปิดจากด้านขวาไปซ้าย

ส่วน หนังสือจากญี่ปุ่น เปิดจากซ้ายไปขวา


ดังนั้นวิธีการอ่านก็ย่อมต้องแตกต่างด้วยเช่นกัน (หนังสือไทยจะอ่านทางซ้ายไปขวา)


ทางด้าน ญี่ปุ่น จะอ่านจากขวาไปซ้าย


นี่จึงไม่แปลกที่เรามักจะมีความคลาดเคลื่อนในการดูวันหมดอายุของสินค้าจากประเทศญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ ทีนี้เมื่อเข้าใจหลักการอ่านเรียบร้อยแล้ว เรามาลองมาอ่านวันหมดอายุตัวอย่างที่เหลือกัน


EIWA Green Tea
exp : 1 พฤศจิกายน 2012

ปลาเส้น GOMA
exp : 18 พฤศจิกายน 2012

                ท้ายนี้เรามีความเชื่อว่าบทความนี้จะสร้างประโยชน์แก่ทุกท่านได้ไม่มากก็น้อย และสุดท้ายทางเรา www.kinkanom.com ขออวยพรให้ทุกท่านมีความสุขกับกินขนมกันอย่างอร่อยครับ :D

                                                                                                                ลิขสิทธิ์โดย www.kinkanom.com